เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกทัพรถกว่า 18 รุ่น บุกสนามช้างฯ กับกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023”

เมอร์เซเดส-เบนซ์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกทัพรถกว่า 18 รุ่น บุกสนามช้างฯ กับกิจกรรม

“Mercedes-Benz Driving Events 2023”

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยนิยามความลักชัวรี่ที่มาพร้อมกับความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดผ่านการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูง ในกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” นำทัพด้วยรถสปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนานอย่าง Mercedes-AMG SL 43 และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 500 4MATIC AMG Premium พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาสอีกมากมายที่พร้อมส่งกำลังแรงม้าสู่พื้นแทร็กชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น A200 AMG Dynamic, C 350 e AMG Dynamic, S 580 e AMG Premium, GLA 200 AMG Dynamic, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ฯลฯ โดยในกิจกรรม ลูกค้าและสื่อมวลชนจะได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับการสัมผัสยนตรกรรมทุกรุ่น ประกบคู่ไปกับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่คอยให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และให้ข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่สามารถดึงสมรรถนะขั้นสุดของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการขับขี่จริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

 เมอร์เซเดส-เบนซ์

นอกจากความโดดเด่นของยนตรกรรมจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนยังได้รับประสบการณ์การแข่งขันเต็มรูปแบบราวกับเป็นนักแข่งมืออาชีพ โดยเริ่มจากการให้ผู้ฝึกสอนถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เทคนิคการรีดขุมพลังแรงม้าและแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมการทรงตัว (Handling) ทื่สอดคล้องกับการสร้างความเข้าใจในระบบช่วงล่าง (Suspension) ของรถยนต์แต่ละรุ่น การทดลองเข้าโค้ง (Cornering) ด้วยความเร็วที่คล่องตัวและเหมาะสม รวมถึงการจำลองกลิ่นอายของการแข่งขันบนสนามแข่งร่วมกับผู้ฝึกสอนมืออาชีพ

 เมอร์เซเดส-เบนซ์

ตลอดทั้งวันของกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” เริ่มต้นด้วยการทดสอบที่แบ่งออกเป็น 3 สถานี ซึ่งจำลองสถานการณ์การขับขี่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และปิดท้ายด้วยการทดลองการแข่งขันเสมือนจริง โดยมีรายละเอียดของสถานีต่างๆ ดังนี้ สถานีที่ 1 “Brake and Avoiding” การจำลองสถานการณ์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและจำเป็นต้องใช้การเบรกฉุกเฉินเข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งขีดขวางต่างๆ โดยมีระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำงานผสานกันอย่างระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS เข้ามาช่วยเหลือ โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องขับขี่ด้วยความเร็วในช่วง 80-120 กม./ชม. และทดสอบความเร็วในการตอบสนองด้วยการเบรกและหักหลบสิ่งกีดขวางเมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ฝึกสอน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 220 d AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350de 4MATIC Exclusive, S 350 d Exclusive และ S 580 e AMG Premium

 เมอร์เซเดส-เบนซ์

เมอร์เซเดส-เบนซ์

สถานีที่ 2“Motokhana” หัวใจสำคัญของสถานีนี้คือการควบคุมรถให้มีความเสถียรและคล่องตัว ในสถานการณ์ที่มีอุปสรรคและสิ่งกีดขวางมากมายตลอดเส้นทาง ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องรีดเค้นทักษะการขับขี่ขั้นสูงเพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ และทำเวลาให้ดีที่สุด โดยที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการทดสอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde, C 350 e AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic และ GLC 220 d

 เมอร์เซเดส-เบนซ์

สถานีที่ 3 “Corner Theory” สถานีสุดท้ายจะเป็นการฝึกการเข้าโค้ง บนเส้นทางที่คดเคี้ยวของสนามแข่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน เพราะการเข้าโค้งถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการทำเวลาในการแข่งขัน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องขับขี่ผ่านทางโค้งจำนวน 5 โค้ง ซึ่งรูปแบบของโค้งจะมีความท้าทายที่แตกต่างกัน ผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและมีจังหวะในการเบรกที่เหมาะสม และเพื่อความปลอดภัย ในแต่ละช่วงที่เป็นทางโค้ง จะมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะแนะนำขั้นตอนการเข้าโค้งอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ EQS 450+ AMG Premium, EQS 500 4MATIC AMG Premium, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43

 เมอร์เซเดส-เบนซ์

หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบทั้ง 3 สถานี ผู้ฝึกสอนจะนำเข้าสู่การจำลองการแข่งขันสุดท้าทาย ที่เปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้ายของกิจกรรม เริ่มต้นด้วยรอบ Lead & Follow ที่จะมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่ และใช้รถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้แสดงศักยภาพการขับขี่อย่างเท่าเทียม โดยมีผู้ฝึกสอนคอยนำทางเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางในการแข่ง ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้รับประสบการณ์จริง บนสถานการณ์จริง ที่มีการจับเวลาการแข่งขันเพื่อหาผู้ที่สามารถนำยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าสู่เส้นชัยด้วยเวลาที่เร็วที่สุด โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเอ็กซ์คลูซีฟในการเป็นส่วนหนึ่งของ “Mercedes-Benz Driving Events 2023” กิจกรรมการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์

 เมอร์เซเดส-เบนซ์

โดยงาน Mercedes-Benz Driving Events 2023 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ร่วมมือกับ กู๊ดเยียร์ (Goodyear) ในฐานะของพันธมิตรทางธุรกิจที่มีบทบาทเป็นผู้ที่สนับสนุนยางรถยนต์สำหรับรถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดย Goodyear ได้นำ Mercedes-Benz Original Tyres ที่มีการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์โดยเฉพาะ มาใช้ในกิจกรรมดังกล่าว

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกทัพรถกว่า 18 รุ่น บุกสนามช้างฯ กับกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023”

 

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยนิยามความลักชัวรี่ที่มาพร้อมกับความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดผ่านการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูง ในกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” นำทัพด้วยรถสปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนานอย่าง Mercedes-AMG SL 43 และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 500 4MATIC AMG Premium พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาสอีกมากมายที่พร้อมส่งกำลังแรงม้าสู่พื้นแทร็กชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น A200 AMG Dynamic, C 350 e AMG Dynamic, S 580 e AMG Premium, GLA 200 AMG Dynamic, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ฯลฯ โดยในกิจกรรม ลูกค้าและสื่อมวลชนจะได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับการสัมผัสยนตรกรรมทุกรุ่น ประกบคู่ไปกับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่คอยให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และให้ข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่สามารถดึงสมรรถนะขั้นสุดของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการขับขี่จริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

 

นอกจากความโดดเด่นของยนตรกรรมจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนยังได้รับประสบการณ์การแข่งขันเต็มรูปแบบราวกับเป็นนักแข่งมืออาชีพ โดยเริ่มจากการให้ผู้ฝึกสอนถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เทคนิคการรีดขุมพลังแรงม้าและแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมการทรงตัว (Handling) ทื่สอดคล้องกับการสร้างความเข้าใจในระบบช่วงล่าง (Suspension) ของรถยนต์แต่ละรุ่น การทดลองเข้าโค้ง (Cornering) ด้วยความเร็วที่คล่องตัวและเหมาะสม รวมถึงการจำลองกลิ่นอายของการแข่งขันบนสนามแข่งร่วมกับผู้ฝึกสอนมืออาชีพ

 

ตลอดทั้งวันของกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” เริ่มต้นด้วยการทดสอบที่แบ่งออกเป็น 3 สถานี ซึ่งจำลองสถานการณ์การขับขี่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และปิดท้ายด้วยการทดลองการแข่งขันเสมือนจริง โดยมีรายละเอียดของสถานีต่างๆ ดังนี้ สถานีที่ 1 “Brake and Avoiding” การจำลองสถานการณ์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและจำเป็นต้องใช้การเบรกฉุกเฉินเข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งขีดขวางต่างๆ โดยมีระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำงานผสานกันอย่างระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS เข้ามาช่วยเหลือ โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องขับขี่ด้วยความเร็วในช่วง 80-120 กม./ชม. และทดสอบความเร็วในการตอบสนองด้วยการเบรกและหักหลบสิ่งกีดขวางเมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ฝึกสอน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 220 d AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350de 4MATIC Exclusive, S 350 d Exclusive และ S 580 e AMG Premium

 

สถานีที่ 2“Motokhana” หัวใจสำคัญของสถานีนี้คือการควบคุมรถให้มีความเสถียรและคล่องตัว ในสถานการณ์ที่มีอุปสรรคและสิ่งกีดขวางมากมายตลอดเส้นทาง ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องรีดเค้นทักษะการขับขี่ขั้นสูงเพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ และทำเวลาให้ดีที่สุด โดยที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการทดสอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde, C 350 e AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic และ GLC 220 d

 

สถานีที่ 3Corner Theory” สถานีสุดท้ายจะเป็นการฝึกการเข้าโค้ง บนเส้นทางที่คดเคี้ยวของสนามแข่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน เพราะการเข้าโค้งถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการทำเวลาในการแข่งขัน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องขับขี่ผ่านทางโค้งจำนวน 5 โค้ง ซึ่งรูปแบบของโค้งจะมีความท้าทายที่แตกต่างกัน ผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและมีจังหวะในการเบรกที่เหมาะสม และเพื่อความปลอดภัย ในแต่ละช่วงที่เป็นทางโค้ง จะมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะแนะนำขั้นตอนการเข้าโค้งอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ EQS 450+ AMG Premium, EQS 500 4MATIC AMG Premium, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43

 

หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบทั้ง 3 สถานี ผู้ฝึกสอนจะนำเข้าสู่การจำลองการแข่งขันสุดท้าทาย ที่เปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้ายของกิจกรรม เริ่มต้นด้วยรอบ Lead & Follow ที่จะมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่ และใช้รถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้แสดงศักยภาพการขับขี่อย่างเท่าเทียม โดยมีผู้ฝึกสอนคอยนำทางเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางในการแข่ง ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้รับประสบการณ์จริง บนสถานการณ์จริง ที่มีการจับเวลาการแข่งขันเพื่อหาผู้ที่สามารถนำยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าสู่เส้นชัยด้วยเวลาที่เร็วที่สุด โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเอ็กซ์คลูซีฟในการเป็นส่วนหนึ่งของ “Mercedes-Benz Driving Events 2023” กิจกรรมการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์

 

โดยงาน Mercedes-Benz Driving Events 2023 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ร่วมมือกับ กู๊ดเยียร์ (Goodyear) ในฐานะของพันธมิตรทางธุรกิจที่มีบทบาทเป็นผู้ที่สนับสนุนยางรถยนต์สำหรับรถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดย Goodyear ได้นำ Mercedes-Benz Original Tyres ที่มีการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์โดยเฉพาะ มาใช้ในกิจกรรมดังกล่าว

 

 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกทัพรถกว่า 18 รุ่น บุกสนามช้างฯ กับกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023”

 

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยนิยามความลักชัวรี่ที่มาพร้อมกับความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดผ่านการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูง ในกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” นำทัพด้วยรถสปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนานอย่าง Mercedes-AMG SL 43 และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น EQS 500 4MATIC AMG Premium พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาสอีกมากมายที่พร้อมส่งกำลังแรงม้าสู่พื้นแทร็กชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น A200 AMG Dynamic, C 350 e AMG Dynamic, S 580 e AMG Premium, GLA 200 AMG Dynamic, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ฯลฯ โดยในกิจกรรม ลูกค้าและสื่อมวลชนจะได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับการสัมผัสยนตรกรรมทุกรุ่น ประกบคู่ไปกับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่คอยให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และให้ข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่สามารถดึงสมรรถนะขั้นสุดของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการขับขี่จริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

 

นอกจากความโดดเด่นของยนตรกรรมจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนยังได้รับประสบการณ์การแข่งขันเต็มรูปแบบราวกับเป็นนักแข่งมืออาชีพ โดยเริ่มจากการให้ผู้ฝึกสอนถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เทคนิคการรีดขุมพลังแรงม้าและแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมการทรงตัว (Handling) ทื่สอดคล้องกับการสร้างความเข้าใจในระบบช่วงล่าง (Suspension) ของรถยนต์แต่ละรุ่น การทดลองเข้าโค้ง (Cornering) ด้วยความเร็วที่คล่องตัวและเหมาะสม รวมถึงการจำลองกลิ่นอายของการแข่งขันบนสนามแข่งร่วมกับผู้ฝึกสอนมืออาชีพ

 

ตลอดทั้งวันของกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” เริ่มต้นด้วยการทดสอบที่แบ่งออกเป็น 3 สถานี ซึ่งจำลองสถานการณ์การขับขี่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และปิดท้ายด้วยการทดลองการแข่งขันเสมือนจริง โดยมีรายละเอียดของสถานีต่างๆ ดังนี้ สถานีที่ 1 “Brake and Avoiding” การจำลองสถานการณ์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและจำเป็นต้องใช้การเบรกฉุกเฉินเข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งขีดขวางต่างๆ โดยมีระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำงานผสานกันอย่างระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS เข้ามาช่วยเหลือ โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องขับขี่ด้วยความเร็วในช่วง 80-120 กม./ชม. และทดสอบความเร็วในการตอบสนองด้วยการเบรกและหักหลบสิ่งกีดขวางเมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ฝึกสอน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 220 d AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350de 4MATIC Exclusive, S 350 d Exclusive และ S 580 e AMG Premium

 

สถานีที่ 2“Motokhana” หัวใจสำคัญของสถานีนี้คือการควบคุมรถให้มีความเสถียรและคล่องตัว ในสถานการณ์ที่มีอุปสรรคและสิ่งกีดขวางมากมายตลอดเส้นทาง ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องรีดเค้นทักษะการขับขี่ขั้นสูงเพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ และทำเวลาให้ดีที่สุด โดยที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการทดสอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde, C 350 e AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic และ GLC 220 d

 

สถานีที่ 3Corner Theory” สถานีสุดท้ายจะเป็นการฝึกการเข้าโค้ง บนเส้นทางที่คดเคี้ยวของสนามแข่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน เพราะการเข้าโค้งถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการทำเวลาในการแข่งขัน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องขับขี่ผ่านทางโค้งจำนวน 5 โค้ง ซึ่งรูปแบบของโค้งจะมีความท้าทายที่แตกต่างกัน ผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและมีจังหวะในการเบรกที่เหมาะสม และเพื่อความปลอดภัย ในแต่ละช่วงที่เป็นทางโค้ง จะมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะแนะนำขั้นตอนการเข้าโค้งอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ EQS 450+ AMG Premium, EQS 500 4MATIC AMG Premium, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43

 

หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบทั้ง 3 สถานี ผู้ฝึกสอนจะนำเข้าสู่การจำลองการแข่งขันสุดท้าทาย ที่เปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้ายของกิจกรรม เริ่มต้นด้วยรอบ Lead & Follow ที่จะมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่ และใช้รถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้แสดงศักยภาพการขับขี่อย่างเท่าเทียม โดยมีผู้ฝึกสอนคอยนำทางเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางในการแข่ง ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้รับประสบการณ์จริง บนสถานการณ์จริง ที่มีการจับเวลาการแข่งขันเพื่อหาผู้ที่สามารถนำยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าสู่เส้นชัยด้วยเวลาที่เร็วที่สุด โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเอ็กซ์คลูซีฟในการเป็นส่วนหนึ่งของ “Mercedes-Benz Driving Events 2023” กิจกรรมการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์

 

โดยงาน Mercedes-Benz Driving Events 2023 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ร่วมมือกับ กู๊ดเยียร์ (Goodyear) ในฐานะของพันธมิตรทางธุรกิจที่มีบทบาทเป็นผู้ที่สนับสนุนยางรถยนต์สำหรับรถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดย Goodyear ได้นำ Mercedes-Benz Original Tyres ที่มีการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์โดยเฉพาะ มาใช้ในกิจกรรมดังกล่าว

 

 

ข่าวรถ

Visitors: 2,032,105